Teamwork vs. Team Collaboration ต่างกันอย่างไร?

เข้าใจให้ชัดก่อนสร้างทีมคุณภาพในองค์กร แม้คำว่า Teamwork และ Team Collaboration จะถูกใช้แทนกันบ่อยๆ แต่สองคำนี้ ไม่เหมือนกัน และส่งผลต่อวัฒนธรรมการทำงานขององค์กรอย่างมาก
หากองค์กรต้องการ “ทีมที่ทำงานได้จริง” ไม่ใช่เพียงแค่ “ช่วยกันแบบหลวม ๆ” จำเป็นต้องเข้าใจความแตกต่างให้ชัดเจน

Teamwork คืออะไร?

Teamwork = การทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน

โดยแต่ละคนมี บทบาทชัดเจน และเมื่อรวมพลังกัน ทีมจึงบรรลุเป้าหมาย

ลักษณะเด่นของ Teamwork

  • มีโครงสร้าง, มีบทบาท (Role / Responsibility)
  • มีพื้นที่งานของใครของมัน
  • งานถูกแบ่งเป็นส่วน ๆ
  • การสื่อสารส่วนใหญ่เป็นแบบ “ผู้ส่ง → ผู้รับ”
  • ผู้นำทีมมีบทบาทสำคัญในการกำกับ

ตัวอย่าง Teamwork:
ฝ่ายการตลาดทำการตลาด
ฝ่ายขายปิดการขาย
ฝ่ายปฏิบัติการส่งมอบงาน
→ ทุกคนทำงานของตนเองให้ดีที่สุด เพื่อให้เป้าหมายรวมสำเร็จ

Team Collaboration คืออะไร?

Team Collaboration = การทำงานร่วมกันแบบหลอมรวมความคิด เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม

ไม่ใช่แค่ “ช่วยกันทำงาน” แต่เป็นการ

  • แชร์ความคิด
  • ต่อเติม
  • ตั้งคำถาม
  • สร้างไอเดียใหม่ร่วมกัน
  • แก้ปัญหาซับซ้อนแบบ Co-create

ลักษณะเด่นของ Collaboration

  • มีความยืดหยุ่นสูง
  • ไม่ติดกรอบบทบาทมากเกินไป
  • ใช้ความคิดร่วม (Collective Intelligence)
  • เน้นการแลกเปลี่ยน
  • มีความไว้วางใจระหว่างกัน (Psychological Safety)
  • เหมาะกับงานนวัตกรรม, งานที่ต้องการการคิดเชิงกลยุทธ์

ตัวอย่าง Collaboration:
ฝ่ายการตลาด + ฝ่ายขาย + IT + Service Design ร่วมกันออกแบบ “บริการใหม่” ตั้งแต่ต้น → เกิดไอเดียที่แข็งแรงกว่าการทำงานแบบแยกส่วน (Silo)

 สรุปความต่างแบบง่ายที่สุด

เรื่อง Teamwork Team Collaboration
เป้าหมาย ทำงานของตนให้ดี เพื่อให้ทีมสำเร็จ สร้างไอเดียหรือผลลัพธ์ร่วมกัน
วิธีทำงาน แบ่งงานเป็นส่วน ทำร่วมกันแบบหลอมรวม
บทบาท ชัดเจน แยกกัน ยืดหยุ่น ต่อเติมกัน
การสื่อสาร ส่งงาน → รับงาน แลกเปลี่ยน → ขยายไอเดีย
เหมาะกับงาน งานปฏิบัติการ งานประจำ งานนวัตกรรม งานแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน
ต้องการ การประสานงาน ความไว้ใจ & ความปลอดภัยทางใจ

ทำไมองค์กรในยุคปัจจุบันต้องยกระดับจาก Teamwork → Collaboration

องค์กรชั้นนำไม่เพียงต้อง “ทำงานได้” แต่ต้อง “สร้างสิ่งใหม่ได้”
Team Collaboration จึงเป็นหัวใจสำคัญของ

  • นวัตกรรม (Innovation)
  • การแก้ปัญหาซับซ้อน (Complex problem-solving)
  • การพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า (CX)
  • Digital Transformation
  • การทำงานแบบ Agile & Cross-functional

3 เหตุผลที่ Collaboration จำเป็นกว่าเดิม

  1. งานซับซ้อนขึ้น ต้องใช้หลายมุมมอง
  2. องค์กรต้องการความเร็ว (Speed) → Collaboration ช่วยลด rework
  3. ลูกค้าคาดหวังสูงขึ้น → งานแบบร่วมออกแบบดีกว่างานแบบแยกส่วน

สัญญาณเตือนว่าองค์กรคุณยังอยู่ใน Teamwork mode มากเกินไป

  • ประชุมกันบ่อย แต่ไม่มีไอเดียใหม่
  • การทำงาน “เป็นหน้าที่” มากกว่า “สร้างร่วมกัน”
  • แต่ละทีมยังมี Silo ชัดเจน
  • เวลามีปัญหา แยกกันแก้ ทำให้ช้า
  • งานส่งต่อผิดพลาดบ่อย
  • ขาดความไว้ใจและ feedback แบบเปิดใจ

ถ้าตรงหลายข้อ แปลว่าองค์กรต้อง “ขยับสู่ Collaboration Culture” แล้ว

จะเปลี่ยนจาก Teamwork → Collaboration ได้อย่างไร?

1) สร้าง Psychological Safety

ให้ทีม “กล้าพูด กล้าถาม กล้าเสนอ”

2) ใช้เครื่องมือร่วมออกแบบ เช่น

  • Design Thinking
  • LEGO® SERIOUS PLAY®
  • Co-creation workshop
  • Collaborative Canvas (BMC, VPC, Journey Mapping)

3) เน้น Cross-functional Team

ลด Silo, เพิ่มการแลกเปลี่ยนแบบทีมผสม

4) นิยาม Success แบบ “ทีม” ไม่ใช่แบบ “แต่ละฝ่าย”

5) ผู้นำต้องเปลี่ยนจาก “สั่งงาน” → “อำนวยการ (Facilitate)”

ตัวอย่างจริงจากงานที่ปรึกษาองค์กร (Case Example)

องค์กรด้าน Healthcare เดิมทำงานแบบ Teamwork

  • Marketing ทำแคมเปญ
  • Operation ดูแลบริการ
  • Contact Center รับเคสผู้ป่วย

เกิดงานหลุดหลายครั้ง เพราะข้อมูลไม่ตรงกัน

เมื่อขยับเป็น Collaboration Workshop
ใช้ LEGO® SERIOUS PLAY® + Customer Journey Mapping
→ ทีมเห็นปัญหาเดียวกัน
→ สร้าง Workflow ใหม่ร่วมกัน
→ KPI ผู้ป่วยพึงพอใจเพิ่มขึ้นทันที

สรุปแบบกระชับเพื่อความเข้าใจ

  • Teamwork = ช่วยกันทำ → เพื่อให้งานเสร็จ
  • Collaboration = คิดร่วมกัน → เพื่อสร้างสิ่งใหม่

องค์กรที่ผสมทั้งสองแบบอย่างเหมาะสม จะเป็นองค์กรที่
เร็วกว่า แข็งแรงกว่า และสร้างนวัตกรรมได้จริง

หากคุณต้องการจัด Workshop สำหรับทีมงาน ติดต่อเราได้เลย!

โทร: 065-914-4289

www.innovatist-training.com,  https://legoseriousplay-training.com/

Visitors: 90,491